แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า Traction battery
แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า หรือแบตเตอรี่ในกลุ่ม Traction Battery
แบตเตอรี่กลุ่มนี้ ประเภทนี้สามารถใช้งานได้กว้างขวาง ในกลุ่ม รถโฟล์คลิฟท์ รถยกไฟฟ้า รถขัดพื้น รถสแตกเกอร์ไฟฟ้า Electric stacker,Electric Pallet Truck เป็นแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน มีความทนทานกว่าแบตเตอรี่ทั่วไปเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่รถกอล์ฟ หรือแบตเตอรี่รถยนต์
แบรนด์แบตเตอรี่โฟล์คลิฟยอดนิยม และทำตลาดมาอย่างยาวนานในไทยได้แก่ 3K และ GS YUASA



โฟล์คลิฟท์
มาดูกันว่าเมื่อไหร่ที่เราควรจะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าของเรากัน
อายุการใช้งานโดยเฉลี่ยของแบตเตอรี่โฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าจะอยู่ที่5ปี แต่ก็ไม่แนเสมอไป เพราะถ้าคุณมีการดูแลแบตเตอรี่โฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าที่ดี อายุการใช้งานแบตเตอรี่โฟล์คลิฟไฟฟ้าก็อาจจะมากกว่านั้น แต่ถ้าคุณใช้งานแบตเตอรี่โฟล์คลิฟไฟฟ้าหนัก และไม่มีการดูแลที่ดี อายุการใช้งานของแบตเตอรี่โฟล์คลิฟไฟฟ้าก็อาจสั้นกว่า5ปีได้
เมื่อแบตเตอรี่โฟล์คลิฟไฟฟ้าเริ่มจะเสีย มันจะมีอาการอะไรบ้างที่เราสามารถสังเกตุเห็นได้
- แบตเตอรี่โฟล์คลิฟไฟฟ้าจะหมดเร็วกว่าปรกติในรอบการใช้งาน
- คุณจำเป็นต้องชาร์จแบตเตอรี่โฟล์คลิฟไฟฟ้าบ่อยขึ้นใน1วันการทำงาน
- คุณสามารถสังเกตุเห็นการสึกกร่อนของแบตธาตุตะกั่วในแบตเตอรี่ได้
- แบตเตอรี่โฟล์คลิฟไฟฟ้าเริ่มมีควัน หรือไอน้ำกรดออกมาในขณะที่ชาร์จ หรือในขณะที่ใช้งาน (ในรูปแบบนี้ถือว่าอันตรายมากควรรีบเปลี่ยนแบตเตอรี่โฟล์คลิฟไฟฟ้านั้นทันทีหรือเร็วที่สุด)
คู่มือการใช้งานและการบำรุงรักษาแบตเตอรี่สำหรับรถยกไฟฟ้า
[1] แบตเตอรี่
หลีกเลี่ยงการใช้งานหนักจนไฟหมด ถ้าแบตเตอรี่ถูกใช้งานจนรถไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ จะทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานสั้นลง ดังนั้นผู้ใช้งานแบตเตอรี่จึงควรปฎิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
1.1 หยุดใช้งานแบตเตอรี่เมื่อปริมาณไฟแบตเตอรี่เหลือ20-25%ของไฟเต็ม
โดยสามารถดูได้จากตัววัดระดับไฟของแบตเตอรี่ ข้อควรระวัง: ถ้าแบตเตอรี่ถูกใช้งานจนไฟหมดจะทำให้อุณหภูมิของน้ำกรดสูงโดยเฉพาะเซลล์ ที่อยู่ตำแหน่งตรงกลางชุดแบตเตอรี่ เมื่อแบตเตอรี่ถูกใช้งานในลักษณะนี้เป็นประจำ จะทำให้แบตเตอรี่เซลล์ใดเซลล์หนึ่ง เสียก่อนเซลล์อื่นและอายุการใข้งานแบตเตอรี่จะสั้น
1.2 หยุดใช้งานแบตเตอรี่เมื่อรถยกไฟฟ้าเริ่มอ่อนกำลังลง
ซึ่งค่า ถ.พ. (ค่าความถ่วงจำเพาะ) ของน้ำกรดที่วัดได้จะต่ำกว่า 1.180 ที่อุณหภูมิ 20 องศา โดยสามารถวัดค่า ถ.พ. ดังกล่าวได้โดยใช้ ไฮโดรมิเตอร์ หมายเหตุ กล่องเครื่องมือสำหรับตรวจเช็คแบตเตอรี่ (ไฮโดรมิเตอร์,กรวย,เทอร์มิโนมิเตอร์) จะถูกจัดส่งพร้อมกับแบตเตอรี่ใหม่
1.3 ไม่ครวนำแบตเตอรี่มาชาร์จไฟในช่วงเวลาสั้นๆ ในระหว่างการใช้งานแบตเตอรี่ เพราะจะทำให้การเปลี่ยนแปลงทางเคมีภายในเซลล์แบตเตอรี่ไม่สมบูรณ์และอุณหภูมิของน้ำกรดจะสูงผิดปกติ ส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็ว
1.4 ในกรณีที่ต้องใช้งานแบตเตอรี่ต่อเนื่องมากกว่า 6 ชั่วโมง ควรมีแบตเตอรี่สำรอง ถ้าไม่เช่นนั้นจะทำให้แบตเตอรี่เซลล์ใดเซลล์หนึ่งเสียหรออายุการใช้งานแบตเตอรี่สั้น
[2] การชาร์จไฟแบตเตอรี่
2.1 การชาร์จไฟประจำวัน
2.1.1 ต้องชาร์จไฟหลังการใช้งานแบตเตอรี่ตามข้อ 1.1 เนื่องจากการปล่อยให้แบตเตอรี่อยู่ในสภาวะไฟหมด โดยไม่นำไปชาร์จไฟ จะมีผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่และ อุณหภูมิของน้ำกรดในระหว่างการชาร์จไฟจะต้องไม่เกิน 55 องศา
2.1.2 ต้องแน่ใจว่าเสียบปลั๊กไฟแน่นก่อนการชาร์จไฟ เนื่องจากอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดความร้อนและประกายไฟได้
2.1.3 ถ้าใช้เครื่องชาร์จอัตโนมัติหรอติดมากับรถ ให้ปฎิบัติตามคู่มือของเครื่องชาร์จนั้น
2.1.4 วิธีตรวจสอบว่าแบตเตอรี่ถูกชาร์จไฟเต็มหรอไม่ สามารถตรวจสอบได้ดังนี้
- ถ้าชาร์จแบตเตอรี่ด้วย เครื่องชาร์จอัตโนมัติ ให้ทำตามคู่มือของเครื่องชาร์จไฟ (ในกรณีที่ปริมาณไฟเหลือ 20-25% เครื่องชาร์จจะใช้เวลาในการชาร์จไฟกลับให้ได้ 115-120% เป็นเวลา 8-10 ชั่วโมง)
ถ้าชาร์จด้วย เครื่องชาร์จธรรมดา ให้ทำตามข้อ A หรอข้อ B
A) ชาร์จไฟประมาณ 115-120% ของปริมาณไฟที่ใช้ออกไป ชึ้ง ถ.พ. ที่วัดได้โดยประมาณเมื่อแบตเตอรี่อยู่ในสภาวะที่ถูกชาร์จไฟเต็มสมบูรณ์แล้วเป็นดั่งนี้
อุณหภูมิน้ำกรดขณะวัด (ฺ° C ) | 20 | 30 | 35 | 40 | 45 | 50 | 55 | 60 |
JOS TYPE | 1.280 | 1.273 | 1.269 | 1.266 | 1.262 | 1.259 | 1.255 | 1.252 |
DIN TYPE | 1.300 | 1.293 | 1.290 | 1.286 | 1.283 | 1.279 | 1.276 | 1.272 |
B) ถ้าโวล์ทคงที่เป็นเวลาเกิน 1 ชม.หลังจากที่ขึ้นถึงค่าสูงสุดแล้วให้ถือว่าชาร์จไฟเต็ม
2.2 การชาร์จไฟเพื่อปรับค่า ถ.พ. ของน้ำกรด (Equalizing Charge)
ควรชาร์จไฟเพื่อปรับค่า ถ.พ. เดือนละครั้งตามวิธีดังต่อไปนี้
2.2.1 ถ้าชาร์จไฟด้วยเครื่องชาร์จอันตโนมัติให้ทำตามคู่มือของเครื่องชาร์จไฟ
2.2.2 ถ้าชาร์จดว้ยเครื่องธรรมให้ชาร์จต่ออีก 2-3 ซม.หลังการชาร์จไฟตามปกติแล้ว
2.2.3 แบตเตอรี่ที่ถูกใช้งานหนักควรเพิ่มความถี่ในการชาร์จไฟเพื่อปรับค่า ถ.พ.เป็นเดือนหลัง 2 ครั้ง
2.2.4 แบตเตอรี่ใหม่ทำให้การชาร์จแบบ Equalizing Charge เป็นจำนวน 10 รอบแรกของการใช้งานหลังจากนั้นให้ชาร์จตามปกติ
[3] ตรวจเช็คระดับน้ำกรด
3.1 โดยปกติน้ำที่ผสมในน้ำกรดจะสูญเสียไปขณะการชาร์จไฟ ให้ตรวจระดับน้ำกรดอย่างสม่ำเสมอโดยดูจากจุกระบายอากาศ
3.2 ถ้าลูกลอยจุกระบายอากาศอยู่ระดับต่ำสุด ให้เติมน้ำกลั่นทันที (ห้ามเติมน้ำกรด)
3.3 ปิดจุกระบายอากาศให้แน่นหลังจากเติมน้ำกลั่น แล้วเช็คผิวบนแบตเตอรี่ด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ
3.4 กรณีเป็นฝาจุกแบบเติมน้ำอัตโนมัติ (Auto Filler) ให้ตรวจสอบดังนี้
3.4.1)ขณะเติมน้ำกลั่นให้ตรวจสอบดูว่ามีรั่วไหลออกมาตามท่อหรอข้อต่อหรอไม่
3.4.2)ให้เปิดฝาจุกขณะเติมน้ำกลั่นเพื่อตรวจสอบ การขึ้น-ลง ของลูกลอย หากพบว่าลูกลอยค้างให้ใช้นิ้วผลักลูกลอยเบาๆ เพื่อแก้ไข
3.4.3)หากพบความผิดปกติให้ทำการแก้ไขหรอแจ้งบริษัทผู้ผลิตเพื่อเข้าการตรวจ สอบและแก้ไข
หมายเหตุ : 1.ควรเติมน้ำกลั่นเมื่อพบว่าระดับน้ำกรดภายในเซลล์แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว
2.การเติมน้ำกลั่นจะต้องเติมก่อนชาร์จไฟ
3.ห้ามเติมน้ำกลั่นจนล้น เพราะจะทำให้ค่า ถ.พ.ต่ำผิดปติส่งผลให้ แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็ว
4.ควรตรวจเช็คระดับน้ำกรดภายในเซลล์แบตเตอรี่ทุกครั้งก่อนนำ แบตเตอรี่ไปชาร์จไฟ
[4] การระบายอากาศ
เนื่องจากในขณะที่ชาร์จไฟแบตเตอรีจะเกิดก๊าซออกซิเจนและไฮโดรเจน ซึ้งถ้ามีการสะสมของก๊าซดังกล่าวในปริมาณมากและมีสะเก็ดไฟหรอประกายไฟเกิดขึ้นภายใน หรอบริเวณไกล้เคียงพื้นที่ชาร์จแบตเตอรี่ อาจทำให้แบตเตอรี่เกิดการระเบิดได้ ดังนั้นเพื่อหลีกเสี่ยงความเสียหายแบตเตอรี่และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกิดจากการระเบิด พื้นที่ชาร์จแบตเตอรี่จะต้องมีการถ่ายเทอากาศที่ดีและห้ามทำ กิจกรรมใดที่ทำให้เกิดสะเก็ดไฟหรอประกายไฟ ใกล้พื้นที่ชาร์จแบตเตอรี่ เช่น การสูบบุหรี่ การเชื่อ ฯลฯ หมายเหตุ ให้เปิดฝารถโฟล์คลิฟท์ทุกครั้งเมื่อชาร์จแบตเตอรี่บนรถโฟล์คลิฟท์ หรอเปิดฝาถังแบตเตอรี่ทุกครั้งเมื่อทำการชาร์จแบตเตอรี่
[5] การทำความสะอาดแบตเตอรี่
5.1 รักษาแบตเตอรี่ให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ เพื่อป้องกันไฟรั่วและการผุกร่อนของถังแบตเตอรี่
5.2 ทำความสะอาดแบตเตอรี่ด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ ทุกครั้งหลังการเติมน้ำกลั่น
5.3 ภายในของฝาจุกซึ้งปกติใส ถ้ามีสิ่งสกปรกให้ถอดออกมาทำความสะอาดด้วยสารที่ใช้ทำความสะอาดตามครัวเรือน
5.4 ถังที่ไม่มีรูระบายน้ำ ให้ทำการดูดน้ำผ่านท่อดูดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
5.5 ควรล้างแบตเตอรี่ ทุก ๆ 3เดือน เพื่อป้องกันไฟรั่ว
วิธีการล้างแบตเตอรี่ นำแบตเตอรี่ออกจากรถยกไฟฟ้า ปิดฝาจุกแบตเตอรี่ทุกเซลล์ให้แน่น แล้วฉีดน้ำล้างบนชุดแบตเตอรี่เพื่อ ให้น้ำล้างคราบน้ำน้ำกรดอยู่ระหว่างเซลล์ออก ทิ้งแบตเตอรี่ไว้ประมาณ 30 นาทีเพื่อให้น้ำไหลออก
ข้อควรระวัง ควรล้างแบตเตอรี่ในพื้นที่เฉพาเนื่องจากน้ำที่ล้างออกมาจะมีสภาพเป็นกรดเจือจาง
[6] การจัดการกับเศษซากแบตเตอรี่ ที่หมดอายุการใช้งาน
ข้อควรปฎิบัติ
6.1 ไม่ทิ้งซากแบตเตอรี่ ปะปนกับขยะทั่วไป
6.2 ไม่นำซากแบตเตอรี่ ไปเผา ฝังดิน หรอทิ้งลงแหลางน้ำ
6.3 จัดเก็บไว้ในพื้นที่ ที่มีภาชนะรองรับที่กันการกัดกร่อนของกรดได้ เช่น
พลสติกเพื่อป้องกันการหกรั่วไหล ลงสู่พื้นดินหรือพื้นน้ำ
6.4 ไม่เก็บไว้ในสถานที่อับอากาศ
6.5 ไม่เก็บไว้ใกล้กับจุดที่มีประกายไฟ เพราะอาจจะทำให้เกิดการระเบิดได้
6.6 กำลังทำลายอย่างถูกวิธี ตามกฎหมายกำหนด
ข้อควรระวัง !
1 ข้อควระวังเมื่อแบตเตอรี่ไม่ได้ถูกใช้งาน
อัดไฟเพิ่มตามวิธีการอัดเพื่อปรับความถว่งจำเพาะของน้ำกรดทุกเดือน ๆ ละ 1 ครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่อยู่สภาวะไฟหมดเนื่องจากจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ
2 ข้อควรระรดวังน้ำกรด
แบตเตอรี่มีน้ำกรด ถ้ากระเด็นถูกผิวหนังหรอเสื้อผ้า รีบล้างออกด้วยน้ำเปล่า ถ้าเข้าให้ล้างออกด้วยน้ำเปล่าปริมาณมาก ๆแล้วรีบพบแพทย์ทันที
3 ข้อควรระวังในเรื่องอุณหภูมิและอาการผิดปกติของแบตเตอรี่
ถ้าอุณหภูมิของน้ำกรดสูงเกิน 55 องศา ในระหว่างการชาร์จหรือการใช้งานให้หยุดชาร์จหรือหยุดใช้งานแบตเตอรี่ชั่วคราว ถ้าแบตเตอรี่มีควันกลิ่นผิดปกติเกิดขึ้นในขณะชาร์จหรอใช้งาน ให้หยุดชาร์จหรอใช้งานแล้วแจ้งผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการแก้ไขใน
4 ข้อควรระวังในการถอดปลั๊กแบตเตอรี่ออกจากอุปกรณ์
ห้ามจับที่ สายไฟแล้วดึง ในขณะถอดปลั๊กโดยเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้ไฟฟ้าลัดวงจร เมื่อถอดปลั๊กแบตเตอรี่ออกจากตู้ชาร์จ หรอถอดออกจากรถโฟล์คลิฟ ให้จับที่ปลั๊กทั้ง2 ข้างให้มั่นคง แล้วถอดออก หรอจับที่ Handle ที่ประกับกับปลั๊กเท่านั้น
แสดงทั้งหมด 3 ผลลัพท์